หลังเกมส์แดงเดือด สุดมันส์
ลิเวอร์พูล 2 – 0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ครึ่งเวลาแรก
เกมส์ในช่วงแรกก็ถือว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นในจังหวะช่วงแรกใช้ได้เลย คือเริ่มเกมส์มีการเน้นที่การมีกองหน้าที่มีความเร็วอย่างแดเนียล เจมส์ และ อ็องตอนี มาร์ซียาล
และก็มีจังหวะจ่ายทะลุช่องสวยๆได้หนึ่งครั้ง แต่ว่าความเฉียบขาด รวมไปถึงการเล่นในจังหวะสุดท้าย ความสามารถของผู้เล่นอย่างแดเนียล เจมส์ ก็ทำได้ไม่ดีพอในการเปิด นั้นคือจังหวะที่เปรียบเสมือนกับเป็นการเตือนลิเวอร์พูลเล็กๆ ว่าวันนี้จะโดนเล่นงาน
เรื่องความเร็วจากหัวหอกคู่ทั้งสอง
แต่หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็เป็นทีมที่ครองบอลได้มากกว่าแล้วก็กดดันเข้าใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วก็สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของลิเวอร์พูลฤดูกาลนี้ก็คือการเล่นลูกเตะมุม ซึ่งนั้นก็นำมาให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ หลายคนสงสัยว่า ทำไมไม่มีใครตามประกบ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เลย
ในจังหวะที่ลิเวอร์พูลได้เตะมุม รวมไปถึงหลายๆจังหวะที่ลิเวอร์พูลได้ลูกตั้งเตะ หรือจังหวะที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จะสร้างปัญหาได้
ในเกมส์รับ ลูกเตะมุมไม่จำเป็นที่จะต้องใช้การมาร์คแบบแมนทูแมน เดี๋ยวนี้มันมีทั้งการยืนแบบโซน อย่างลิเวอร์พูลนี่ก็ยืนแบบโซน ปล่อยผู้เล่นฝั่งตรงข้ามไปเลย ฝั่งตรงข้ามจะยืนตรงไหนก็เรื่องคุณ เพียงแค่คุณรักษาพื้นที่ของตัวเองให้มันแน่นไว้ก่อน
เช่นเดียวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยความที่ผู้เล่นที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ้าว่าตามตรงก็มีแค่ แฮร์รี แมไกวร์ , วิคเตอร์ ลินเดลอฟ อาจจะมี เนมานยา มาติช ที่สูงหน่อย แต่ถ้าถามว่าแกร่งลูกกลางอากาศไหม มันก็ไม่ถึงกับแกร่งเท่าไหร่ ขณะที่ลิเวอร์พูลก็มีผู้เล่นที่ปราดเปรียวก็มีหลายคน รูปร่างใหญ่อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก็น่ากลัว
แมนยูเลือกจะเล่นตั้งรับแบบผสม ผสมหมายถึงว่าตัวหลักๆก็จะไปยืนโซนกัน พวกแฮร์รี แมไกวร์ , วิคเตอร์ ลินเดลอฟ , เนมานยา มาติช จะยืนโซน แล้วก็จะมีพวกตัวเล็กๆ ที่ไม่ต้องไปพะวงที่ในพื้นที่ที่มันอันตราย ก็มาประกบยืนพื้นที่กดดันผู้เล่นลิเวอร์พูลคนอื่น ก็เลยให้เห็นว่าจังหวะลิเวอร์พูลได้เตะมุมแต่ละครั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จะไม่ได้มีผู้เล่นตัวใหญ่ๆเข้ามายืนติดชิดในจังหวะแรก หมายถึงว่าพอจังหวะเปิดมา การโจมตีตรงนั้นลิเวอร์พูลเองก็ต้องอาศัยการเปิดที่แม่นยำมากเช่นเดียวกัน
การโจมตีทีมที่เล่นเกมส์รับแบบโซน มันต้องเปิดบอลได้แม่นจริงๆ ที่ต้องเปิดไปในจุดที่บอกว่าอันตรายมากที่สุด แล้วก็เป็นจุดที่เกมส์รับอาจจะถือว่าผู้เล่นตัวใหญ่จะมาคุมพื้นที่ตรงนั้นได้น้อย ก็อย่างที่เห็น จังหวะที่ขึ้นโหม่งประตูขึ้นนำ 1 – 0 ของ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค แฮร์รี แมไกวร์ พยายามจะเข้ามา แต่ก็เหมือนจะโดนขวางหน่อย ทำให้ไม่ทันเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค แล้วเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก็โหม่งเข้าไป
พอได้ประตูขึ้นนำที่ต้องการ ลิเวอร์พูลก็ถือว่าเล่นได้สบายขึ้น ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะมาเร่งในช่วงท้ายของครึ่งเวลาแรก ก็พอจะมีลุ้นกับการได้ยิงครั้งแรก การยิงเข้ากรอบครั้งแรก แต่ว่าทุกอย่างมันก็อยู่ในเกมส์ของลิเวอร์พูลไปซะทั้งหมด เพียงแต่ว่าลิเวอร์พูลอาจจะมีปัญหาในเรื่องของความเฉียบขาดเล็กน้อย และก็จังหวะที่ยิงเข้าจะเป็นลูกโดนจับ VAR ว่าเป็นลูกที่ล้ำหน้า หรือว่าจังหวะชนที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ไปชนกับ ดาบิด เด เฆอา ก็เลยทำให้เกมส์มันสูสี และยังไม่ขาด
ครึ่งเวลาหลัง
เริ่มต้นครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเริ่มต้นได้ดีมาก มีโอกาสที่จะได้ประตูที่ 2 เพียงแต่ว่าจังหวะสุดท้ายอาจจะยังไม่ถึงกับดีมากนัก มันก็เลยเปิดโอกาสให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้บู้ไปเรื่อยๆ ต้องชม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วางเกมส์เปลี่ยนแผนมาวางแผนเซ็นเตอร์ 3 คน ของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา มันก็สร้างปัญหาให้แนวรุกลิเวอร์พูลเจาะไม่ค่อยเข้า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดน ลุค ชอว์ ประกบติด ก็แทบจะทำอันตรายได้น้อยมาก เฟอร์มิโน่ ก็ไม่ได้ขึ้นมากดดันในพื้นที่สุดท้ายได้มากเท่าไหร่
ส่วนทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 แผงหลัง แฮร์รี แมไกวร์ , วิคเตอร์ ลินเดลอฟ , ลุค ชอว์ เล่นเด่นทุกคน แต่ปัญหาก็คือว่าพอจะไปเล่นเกมส์รุก คุณภาพที่ออกไปหลายๆครั้ง ที่เห็นในหลายๆจังหวะ มันมีจังหวะดีบ้าง เช่นจังหวะ อ็องตอนี มาร์ซียาล กับ อันเดรียส เปเรร่า ทำชิ่งกัน ทำให้ อ็องตอนี มาร์ซียาล หลุดเข้าไปทำได้มีโอกาสยิงโล่งๆในกรอบ 6 หลา เกือบเป็นประตูตีเสมอ แต่ว่านั้นเป็นโอกาสจะๆเพียงไม่กี่ครั้งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้
สุดท้ายมันก็ย้อนกลับมาเรื่องเดิม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อาจจะปรับ อาจจะเปลี่ยน รูปแบบการเล่น แผนการเล่นให้มันเหมาะกับผู้เล่นที่มีอยู่ปัจจุบัน แต่สุดท้ายคุณภาพผู้เล่นที่จริงแล้ว
มันได้แค่นี้ ก็เลยทำให้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ยังดีอยู่ ก็คือจิตใจของลูกทีมที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ปลุกลูกทีมขึ้นมา
ลูกทีมหลายๆคนที่พยายามวิ่งให้ทีมเต็มที่พยายามสู้สุดชีวิต อย่างเฟร็ดก็พยายามเต็มที่ แบกทุกอย่างในทีม เสียอย่างเดียวยิงประตูไม่เป็น หรือจะ วาน-บิสซาก้า เจ้าหนูวิลเลียมส์
แล้วก็ แดเนียล เจมส์ สองคนนี้เป็นคนที่บอกได้เลยว่า คือด้วยความเป็นเด็ก ระดับฝีเท้าอาจจะยังไม่ถึงกับว่าระดับเวิลด์ คลาส แต่ว่ามีความขยัน มีแววที่จะขึ้นมาพัฒนาฝีเท้าเป็นนักเตะระดับสูงได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องชม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ว่าทำได้ดีที่ปรับให้ผู้เล่นของเขาที่มีใช้งานอยู่ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม
ในช่วงท้ายครึ่งหลัง จะเห็นได้ว่าเปอร์เซ็นต์การครองบอลในช่วงท้าย เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คลองบอลและคุมเกมส์ได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ได้เซ็ทบอลเข้าใส่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาเจาะเกมส์รับอันหนาแน่นของลิเวอร์พูลที่เก็บคลีนชีตติดต่อกันมา 6 นัดติด ประตูอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ รับแทบไม่มีกระเฉาะ แต่ว่ามันก็ทำให้แฟนผีได้ลุ้นบ้าและเป็นการแพ้ลิเวอร์พูล ที่ถ้ามองตัวเองอย่างเข้าใจ มองทีมตัวเองว่าตอนนี้เป็นแบบไหน ผู้เล่นตัวหลักเกือบครึ่งทีมบาดเจ็บ มันคือการแพ้ที่ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมาก โอเคในลูก 2 – 0 มันก็ไม่มีอะไรจะเลือกหรือจะเสียแล้ว จังหวะนั้นดาบิด เด เฆอา อยากจะขึ้นไปเองด้วยซ้ำไป แต่เพื่อนก็เร่งที่จะเปิดเตะมุมมาก่อน แล้วกองหลังก็แทบไม่จะไม่เหลือใครในพื้นที่ในแดนตัวเอง ขนาด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกตัวไปก่อนตั้งไกล แดเนียล เจมส์ ยังพยายามขยับ พยายามจะวิ่งไล่แต่ว่าสุดท้ายก็เสร็จ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไป
ก็ถือว่าเป็น 2 – 0 ที่เกมส์ที่สุด ลิเวอร์พูลคงไม่ต้องพูดถึงอะไรมากความยอดเยี่ยม ความแข็งแกร่งของพวกเค้า ตอนนี้ก็ลุ้นเพียงแค่เป็นแชมป์ไร้พ่าย ส่วนแชมป์นี้ก็คงพูดได้เต็มปากว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังต้องเครียดต่อไป
หลังเกมส์ก็ให้สัมภาษณ์บอกว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด เจ็บ 3 เดือนอีกต่างหาก ดูแล้วสถาการณ์ของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนักหนาสาหัสจริงๆ ทั้งตัวไม่พร้อม ตัวเจ็บเพียบ ผู้เล่นเสริมทัพก็ไม่มาสักที
แต่อันดับคะแนนในขณะนี้ทีมหัวตารางก็สะดุดกันเกือบหมด ก็ไม่ได้ทำให้ยังไม่ได้ทิ้งตั๋วยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ไปสักเท่าไหร่ ก็ยังพอได้เบียด ยังได้สู้สำหรับการลุ้นพื้นที่ไปเตะยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ขณะที่ลิเวอร์พูลตอนนี้ กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยังแพ้ไม่เป็นในการลงสนาม 22 นัด ซึ่งชนะถึง 21 นัด และ เสมอไป 1 นัด นำโด่งเป็นจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่มีฟ้าผ่าที่สนามแอนฟิลด์ ไม่มีสงครามโลกครั้งที่ 4 ในปี 2020 “ลิเวอร์พูล” นั้นจะเริ่มนับ 1 ด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ก็เป็นได้ สถิติหวยย้อนหลัง 20 ปี
สนับสนุนโดย :
www.ufa998th.com
www.kickoffbets.com
www.kickoffbet789.com
www.ufabets888.com